
การออกกำลังกายในแต่ละช่วงวัยมีวิธีที่แตกต่างกัน

เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี
เด็กควรทำกิจกรรมที่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อวัน โดยสามารถแบ่งช่วงเวลาออกไปในระหว่างวัน ให้เด็กได้เล่นทั้งในและนอกบ้าน เช่น การทำกิจกรรมที่ให้เด็กได้ขยับร่างกาย เช่น ลุกนั่ง วิ่ง กระโดด จะช่วยให้เด็กได้ฝึกใช้กล้ามเนื้อแต่ละส่วนของร่างกาย

เด็กที่มีอายุระหว่าง 5 – 18 ปี
เป็นเรื่องสำคัญที่เด็กและวัยรุ่นควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายถือเป็นการยืดกระดูกและกล้ามเนื้อที่ดีที่สุด เด็กในวัยนี้ควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 60 นาที ใช้เวลาประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์ในการทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่กระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อ เช่น เตะบอล ฝึกยิมนามสติก และทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่กระตุ้นให้กระดูกแข็งแรง เช่น เต้นแอโรบิคหรือเล่นเทนนิส

วัยผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 19 – 64 ปี
สามารถออกกำลังกายทั้งแบบเผาผลาญไขมันและแบบเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ เช่น วิ่ง 30 นาที จากนั้นเดินเร็วอีก 30 นาที จำนวน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ควรทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลัก อย่างขา สะโพก หลัง หน้าท้อง ประมาณ 2 วันต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น

ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกวัย แต่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาก่อนหรือเพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายก็ตาม จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ และช่วยให้นอนหลับสบายและสนิทมากขึ้น ลองหากิจกรรมที่คุณชอบและคิดว่าเหมาะสมกับคุณมากที่สุด เช่น เดินหรือวิ่งเยาะๆ รำไท่เก๊ก หรือฝึกโยคะ
ProMa 1512
ที่มา : https://www.honestdocs.co/what-can-you-drink-with-diabetes